ในทุกวันนี้ที่ฟิล์มกลายเป็นของย้อนยุค บูมบอกเราว่าถ้าคุณสนใจแต่ ‘เนื้อภาพ’ ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆที่คุณจะไปหากล้องฟิล์มมาถ่ายรูป เพราะมันทั้งยุ่งยากเริ่มจากต้องไปหาซื้อกล้อง ซื้อฟิล์ม พอถึงเวลาจะถ่ายแต่ละรูปก็ต้องคอยกังวลว่าแสงจะพอหรือเปล่า หรือโฟกัสได้ไหม พอถ่ายเสร็จก็ยังไม่เห็นรูป ต้องรอเอาไปส่งแล็บแล้วก็รอถึงจะได้เห็นรูป และราคาแพงค่าใช้จ่ายในแต่ละรูปที่ถ่ายด้วยกล้องฟิล์มประกอบไปด้วยค่าม้วนฟิล์ม ค่าล้าง ค่าอัด ซึ่งถ้าถ่ายเสียก็ยังต้องจ่าย

แต่สิ่งเหล่านี้แหละที่บูมบอกว่าจะสอนเราในฐานะผู้ถ่ายภาพ เราจะใส่ใจและจดจำได้ดีกว่าการที่ถ่ายได้อย่างไม่จำกัด หรือถ่ายเสียแล้วก็ลบ และการที่เราใส่ใจนี่แหละ จะทำให้ภาพถ่ายมันมีอารมณ์มากขึ้น “ข้อจำกัดพวกนี้แหละ ที่ทำให้มันมีเสน่ห์”

เราจะใส่ใจและจดจำได้ดีกว่าการที่ถ่ายได้อย่างไม่จำกัด หรือถ่ายเสียแล้วก็ลบ และการที่เราใส่ใจนี่แหละ จะทำให้ภาพถ่ายมันมีอารมณ์มากขึ้น

และถ้ามองดีๆ ภาพถ่ายที่ดีมันจะมีมากกว่าแสงและสี มีมากไปกว่า ‘เนื้อภาพ’ มันจะมีอารมณ์และความรู้สึกอยู่ในนั้น ซึ่งบูมบอกว่ากล้องฟิล์มจะเก็บสิ่งเหล่านี้มาได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะถ้าไปลองดูภาพของมาสเตอร์จากยุค 70s-80s ที่เขาชื่นชอบอย่าง Nan Goldin หรือแม้จะเป็นเพียงภาพถ่ายสมาชิกครอบครัวจากยุคเดียวกันซึ่งผู้ถ่ายอาจจะเป็นมือสมัครเล่น แต่ได้ใส่ความตั้งใจลงไปในภาพที่ถ่ายอย่างเต็มที่