เป็นที่รู้กันว่านาฬิกาวินเทจไม่ใช่ของราคาถูก ที่แน่ไปกว่านั้นคือไม่ใช่ทุกครั้งที่จะมีมาให้ครอบครองแม้จะมีเงินในกระเป๋าพร้อมยิ่งกว่าพร้อม นี่ยังไม่รวมถึงกำแพงความรู้ที่ผู้ซื้อหน้าใหม่จะต้องก้าวผ่านด้วยตัวเอง มันไม่เหมือนกับการซื้อนาฬิกาเรือนใหม่ในช็อป ที่ความซับซ้อนในการเลือกซื้อเทียบไม่ได้กับการต้องมานั่งอ่าน ศึกษาหาข้อมูล หาเรือนที่ต้องการและติดต่อกับผู้ขาย ไปจนถึงตรวจสอบสภาพสินค้าจริง ก่อนที่จะได้นาฬิกาที่หมายตามานานแสนนานมาประดับข้อมือในที่สุด แต่ก็เพราะปัจจัยทั้งหลายนี้เองกระมัง ที่ทำให้ใครๆก็ตกหลุมรักนาฬิกาเรือนเก่าแต่เก๋าเหล่านี้
อีกครั้งที่เราได้คุยกับบรูซ นักสะสมนาฬิกาตัวยงผู้อยู่บนทำเนียบ The Aficionados ของเราถึงเรื่องนี้ การที่นาฬิกาเรือนหนึ่งจะได้สถานะ “ควรค่าแก่การสะสม” ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านมูลค่าและเรื่องราวปูมหลังของแบรนด์หรือโมเดลนั้นๆ ซึ่งคำจำกัดความนี้ใช้ได้กับทั้งนาฬิกาวินเทจ และนาฬิกาผลิตใหม่ที่มีแนวโน้มว่ามูลค่าจะสูงขึ้นในอนาคต (ที่ถึงวันนั้นก็จะถูกจัดอยู่ในจำพวกนาฬิกาวินเทจอยู่ดี)
ข่าวดีคือ ถึงแม้มูลค่าของนาฬิกาสะสมบนโลกนี้จะมีให้เห็นได้ถึงเจ็ดถึงเก้าหลัก (Rolex Daytona ที่สวมใส่โดย Paul Newman ทุบสถิติโลกที่ Patek Philippe Ref. 1518 เคยทำไว้ในงานประมูลของ Bacs & Russo ที่ 11 ล้านเหรียญสหรัฐ 2 ปีก่อนหน้า ด้วยตัวเลขสถิติใหม่ที่สูงถึง 17.8 ล้านเหรียญสหรัฐ) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าใครสักคนจะเริ่มต้นไม่ได้ด้วยงบประมาณหลักหมื่น และนี่คือเรือนเวลาราคาไม่เกิน 50,000 บาทที่บรูซได้คัดเลือกมาให้เราและคุณ ทั้งห้าโมเดลต่อไปนี้จัดเป็นเพชรเม็ดงามที่บรูซยืนยันว่า “ลงทุนไว้วันนี้ จะไม่มีทางเสียใจภายหลัง”
No.1

เริ่มต้นกันที่เรือนแรกกับ Omega Constellation หรือ “หอดูดาว” ที่เหล่านักสะสมนาฬิการู้จักกันดี ซึ่งนาฬิกาวินเทจจาก Omega รุ่นนี้จริงๆแล้วมีชื่อเรียกตามลักษณะการผลิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นขา สีสันของตัวเรือน รายละเอียดบนหน้าปัดที่แตกต่างกันไป แต่โดยทั่วๆไปแล้วสามารถเป็นเจ้าของได้ในสภาพที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบภายใต้ราคา 50,000 บาท และยังถือเป็นหนึ่งในนาฬิกาสายวินเทจที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังมากที่สุดเรือนหนึ่งในประวัติศาสตร์ เพราะแม้จะผ่านมานับหลายสิบปีแล้ว แต่ความคลาสสิกก็ยังตราตรึงใจนักสะสมทั้งรุ่นเก๋า รุ่นใหม่กันทั้งนั้น
No.2

เรือนถัดมาชื่ออาจจะไม่คุ้นหูนัก แต่นาฬิกาวินเทจหรูสัญชาติสวิสเอกลักษณ์เม็ดมะยมตัว U นี้หากได้ลิ้มลองสักครั้งคุณอาจจะต้องหลงรัก Universal Genève Polerouter โดดเด่นด้วยเส้นแบ่งแนวตั้งและแนวนอน แบ่งหน้าปัดเป็นสี่ส่วนแบบไม่เหมือนแบรนด์ไหน มาพร้อมกลไกไขลานอายุกว่า 50 ปี ซึ่งถ้าหากเจอในสภาพดีๆ ในราคาแตะ 50,000 บาทเมื่อไหร่ เราขอแนะนำให้รีบคว้าไว้เพราะโดยเฉลี่ยแล้วราคากลางจะอยู่ที่ 70,000 – 100,000 บาทขึ้นไป และมีแนวโน้มราคาขึ้นเรื่อยๆในหมู่นักสะสมบ้านเรา ถึงแม้จะไม่ได้ชื่อติดหูแต่รับรองได้ว่า Universal Genève โดยเฉพาะรุ่น Polerouter คือนาฬิกาวินเทจที่น่าสะสมอีกตัวในยุคนี้
No.3

เมื่อได้ยินชื่อของ “Tag” ไม่ว่าใครก็วางใจในความหนักแน่นและสมบุกสมบันของนาฬิกาสายเหล็กแบรนด์นี้ แต่ในครั้งนี้เราไม่ได้มาแนะนำ Tag Heuer แบบที่คุ้นตากันสักเท่าไหร่ และเมื่อนึกถึงการจะเริ่มสะสมนาฬิกาสักเรือนภายใต้งบประมาณ 50,000 บาทแล้ว Tag Heuer Carrera ก็คงจะไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะด้วยหน้าตาที่เรียบง่ายต่างจากรุ่นอื่นอย่างเห็นได้ชัด มาพร้อมขนาดใหญ่เต็มข้อมือ 39-41 มม. ทำให้รุ่นนี้เข้ามาอยู่ในลิสต์ของนาฬิกาวินเทจที่เราอยากแนะนำแบบไม่ลังเล ซึ่งหากผู้อ่านคนไหนพบเจอ Tag Heuer Carrera โมเดล Calibre 1887 ในราคาบวกลบ 50,000 บาทเมื่อไหร่ จงจำไว้ว่าเตรียมควักเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์ให้ไวที่สุด เพราะเจ้า Calibre 1887 นี้ถือเป็นรุ่นเรือธงของไลน์การผลิต Carrera ที่โดดเด่นด้วยปุ่มจับเวลาแสนนุ่มนวล แถมด้วยเทคโนโลยีสำรองพลังงานที่ได้ผลมากกว่านาฬิกาทั่วๆไปถึง 30% ดังนั้นคุณจึงไม่ควรพลาดนาฬิกาวินเทจที่เพียบพร้อมไปด้วยฟังก์ชั่นและหน้าตาหล่อเหล่าด้วยประการทั้งปวง
No.4

นาฬิกาแนว Dress Watch สัญชาติเยอรมันหน้าตาหล่อเหลาเรือนนี้ โดดเด่นด้วยดีไซน์มินิมัลลิสม์สุดเรียบง่ายภายใต้ความบางเฉียบของตัวเรือน สามารถใส่ได้ทั้งชายและหญิงเพราะผู้ผลิตตั้งใจให้เป็นนาฬิกาข้อมือแบบ Unisex ซึ่งราคาในท้องตลาดก็เรียกได้ว่า “สมเหตุสมผล” กับราคาที่ไม่เกิน 50,000 บาท และที่สำคัญคือ Nomos Tangente นั้นยังสามารถจับคู่เข้ากับการแต่งกายหลายๆชุด เพราะแม้มันจะไม่เด่นเกินตัวคุณ แต่ก็สามารถออกมาผงาดได้ง่ายๆ ได้ทุกเวลา
No.5

เรือนสุดท้ายที่เราอยากแนะนำ อาจไม่ได้มีความเก่าแก่อะไรเพราะเพิ่งจะเปิดตัวออกมาในช่วงต้นปีนี้เสียด้วยซ้ำ แต่ Seiko Presage Shippo Enamel Limited Edition รุ่น SPB073J1 นี้ มีความพิเศษแบบวินเทจในด้านของกรรมวิธีการผลิต เพราะทำด้วยมือทั้งเรือนโดยฝีมือช่างทำนาฬิกาที่ใช้ศาสตร์แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมในการเคลือบตัวเรือนโดยเครื่อง Shippo ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 และยังมีการบรรจงเคลือบพื้นผิวหน้าปัดด้วยมืออย่างประณีตอีกด้วย พร้อมด้วยความสวยงาม เตะตา จากหน้าปัดลายคลื่นสีน้ำเงินเข้มที่สะท้อนสีของมหาสมุทร และที่สำคัญ Seiko Presage Shippo Enamel นี้ถูกผลิตขึ้นมาเพียง 2,500 เรือนทั่วโลกเท่านั้น ดังนั้นหากพบเจอในราคาที่ไม่เกินไปกว่า 50,000 บาท ก็เป็นนาฬิกาใหม่ที่แฝงกลิ่นอายวินเทจที่น่าสนใจไม่แพ้ใคร
อ่านเรื่องราวของนาฬิกาอื่นๆได้อีก ที่นี่